BEAUTIFUL COLLISION
-
Love Is Color Blind -
“ความรักทำให้คนตาบอด.. และผมเป็นหนึ่งในนั้น” – โอ เซฮุน
ผมกำกระดาษสีครีมเล็กๆในมือด้วยความรู้สึกอันหนักอึ้ง
ผมได้มันมาเมื่อวานนี้หลังจากที่ปาร์คชานยอลกลับไปได้ไม่นาน มีชายร่างสูงในชุดแจ็คเก็ตหนังคำเดินเข้ามาทักผม แม้ไม่อาจเห็นแววตาภายใต้แว่นสีดำและมาส์กปิดปากนั้น
ผมก็พอจะมองออกว่าผู้ชายตรงหน้าคงจะดูดีมากทีเดียวผ่านรอยยิ้มมุมปากที่ยกขึ้นอย่างไว้ตัว
แต่ผมกลับรู้สึกคุ้นหน้าคนตรงหน้าไม่น้อยว่าผมเคยเห็นเขาที่ไหน
จนกระทั่งเสียงทุ้มจากอีกคนแนะนำตัวกับผมก่อน และนั่นทำให้ผมถึงกับนิ่งงันไปชั่วขณะ
เขาคือจองจุนยอง
วงเฮลิออส…
เหตุการณ์หลังจากนั้น
คำพูดมากมายที่ออกมาจากปากของจองจุนยองทำให้ผมต้องกำมือแน่นอย่างระงับอารมณ์
จุนยองตามชานยอลมาถึงที่นี่และรับรู้ว่าผมกับชานยอลเลิกกันเพราะชานยอลต้องการเข้าเป็นสมาชิกวงเฮลิออส
เรามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและไม่สามารถเปิดเผยได้
‘รู้อะไรไหมเซฮุน นายคือความลับที่ปาร์คชานยอลเก็บไว้ลึกที่สุด’
‘…..’
‘นายคือความอ่อนแอ
คือจุดอ่อนอันเปราะบางที่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีนายเข้ามาเกี่ยวข้อง
ฉันมั่นใจว่าไม่มีทางที่ชานยอลจะไม่กลัว’
‘…..’
‘ฉันรู้แล้วว่านายคือเหตุผลเดียวที่ปาร์คชานยอลมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่มีชีวิตอยู่เพื่อเป็นปาร์คชานยอลแห่งเฮลิออส
และมันน่ารำคาญสำหรับฉัน ที่ปาร์คชานยอลให้ความสำคัญกับนายมากกว่าสิ่งที่อยู่ในมือ’
‘…..’
‘มันตลกดีว่าไหม ที่ความรักกับความฝันมันมักจะสวนทางกัน แต่มันตลกกว่า
ที่ความฝันของปาร์คชานยอลมีนายอยู่ในนั้น’
‘คุณต้องการอะไรบอกผมมาเลยดีกว่า’
‘…..’
‘ต่อให้คุณพูดให้มันดูดีแค่ไหน
เรื่องของผมกับชานยอลมันจบไปแล้ว จบแล้วจริง ๆ.. คุณจะได้ไม่ต้องมากังวลว่าชานยอลจะเห็นผมสำคัญกว่าการเป็นเฮลิออส’
‘นายคิดอย่างนั้นเหรอ
โอเค ถ้าอย่างนั้นเก็บกระดาษใบนี้ไว้ก็แล้วกัน’
‘…..’
‘ฉันกำลังหาคนที่จะถ่ายมิวสิควีดีโอตัวใหม่ของเฮลิออส
ซึ่งจะต้องถ่ายทำอีกไม่กี่วันจากนี้ เพียงแต่ฉันอยากให้คน ๆนั้นเป็นนาย’
‘คุณต้องบ้าไปแล้วแน่
ๆ เหอะ ผมไม่ถ่าย ไม่ถ่ายเด็ดขาด !’
‘ไม่เอาน่า
ถ่ายไม่นานก็เสร็จ แถมค่าตอบแทนอาจจะชดใช้หนีค่ารักษาแม่ของนายหมดเลยก็ได้
การที่ชานยอลเอาเงินมาให้นายถึงที่นี่
ราวกับจะบอกว่าถึงยังไงนายก็ไม่มีปัญญาหาเงินที่จะรักษาแม่ตัวเองได้
คิดดูให้ดีโอเซฮุน งานสบาย ๆได้เงินเยอะแบบนี้โอกาสไม่ได้มีมาง่าย ๆ’
‘…..’
‘ฉันให้เวลาคิดทบทวนถึงพรุ่งนี้
9 โมงเช้า แล้วฉันจะรอรับโทรศัพท์จากนาย’
‘…..’
‘ในเมื่อนายบอกว่ามันจบลงแล้ว
สิ่งที่นายควรทำ ก็คือการพิสูจน์คำพูดของนายให้ฉันเห็น’
‘…..’
‘ถ้าทำไม่ได้
ก็ตายไปจากชีวิตปาร์คชานยอลซะ’
ผมไม่เข้าใจความคิดของจุนยองเลยสักนิด
คำพูดราวกับจะผลักไสให้ผมออกห่างจากชานยอล
แต่กลับยื่นข้อเสนอที่ทำให้ผมกลับไปเจอชานยอลอีกครั้ง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
ผมคิดว่าผมจะตอบตกลงกับข้อเสนอบ้า ๆนี่
ผมไม่ได้ทำเพื่อจะพิสูจน์ตัวเองอะไรทั้งนั้น
ผมไม่ได้ทำเพื่อปาร์คชานยอลและวงเฮลิออสอะไรนั่น
ผมจะคิดว่าผมกำลังทำเพื่อนำเงินมาใช้ในการรักษาแม่ของผมเท่านั้นพอ
“คุณจุนยอง
ผมตกลง พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปหาคุณที่บริษัท รอเจอผมได้เลย”
ร่างโปร่งบางเดินผ่านประตูกระจกบานเลื่อนเข้าไปด้านในบริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งหลังจากยื่นนามบัตรของจองจุนยองให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ด้านหน้า
ขายาวก้าวอย่างเชื่องช้าไปตามทางที่เต็มไปด้วยผู้คนเดินสวนกันไปมา
แต่บางอย่างกลับเรียกความสนใจจากเขาได้มากทีเดียวก่อนจะสาวเท้าเข้าไปราวกับมีแรงดึดดูด
นิ้วเรียวยาวเอื้อมออกไปยังภาพเบื้องหน้า เขาอยู่ใกล้แค่นี้
แต่กลับรู้สึกว่าเขาห่างไกลมากแล้วจริง ๆ
ภาพแบนเนอร์ขนาดใหญ่ของวงเฮลิออสกับสมาชิกใหม่อย่างปาร์คชานยอล
ร่างสูงใหญ่ในแจ็คเก็ตหนังดำ
ผมสีควันบุหรี่ที่เซ็ทขึ้นรับใบหน้าหล่อคมคายอย่างลงตัวอีกทั้งม่านตาคมที่มองตรง
มันไม่ได้สื่ออารมณ์ใด
ๆออกมาแต่โอเซฮุนก็คิดว่ามันดูมีเสน่ห์มากทีเดียวจนยากที่จะละสายตา ภาพนี้คงจะออกสู่สายตาคนทั้งประเทศและอาจจะคนทั้งโลกในเวลาอีกไม่นาน
ก็ดีแล้ว ที่ตรงนั้นเหมาะกับชานยอลที่สุดแล้ว
“ผมเสียใจที่เรื่องของเราจบลงแบบนั้น แต่ผมจะไม่ขอย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไร”
ร่างบางขยับปากกับตัวเองอย่างแผ่วเบา
กระพริบตาถี่เพื่อกลืนน้ำตาที่ทำท่าเอ่อคลอออกมาให้ไหลย้อนกลับไป
“ผม แม่ของผม และจงอิน เราอยู่ในโลกเดียวกัน”
.
.
.
“แต่พี่ไม่ใช่ พี่ไม่ได้อยู่ในโลกของผมอีกแล้ว ปาร์คชานยอล”
โอเซฮุนเดินไปตามทางที่จุนยองบอกเขาเมื่อวานนี้จนมาหยุดที่หน้าห้อง
ป้ายชื่อ ‘Helios’ เด่นอยู่ตรงหน้า
มือขาวชะงักเล็กน้อย แต่ไม่นานก็ตัดสินใจเคาะลงไปบนบานประตู
เสียงตอบรับดังผ่านมาให้พอได้ยิน
เป็นการบอกอนุญาตให้เข้าไปด้านในได้
ร่างโปร่งบางค่อยๆแทรกตัวเข้าไปก่อนจะปิดประตูลงพร้อมปรับสายตามองภาพตรงหน้า
เขาอาจจะคิดมากไปเพราะแผ่นหลังกว้างนั่นดูคุ้นเคยจนน่าใจหาย
แต่เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาเขากลับอยากเปิดประตูแล้ววิ่งออกไปทันที
คนตรงหน้าคือคนที่เขายังไม่พร้อมจะเห็นหน้าเลยสักนิด
ม่านตาคมวาวขึ้นเล็กน้อยแต่เพียงไม่กี่วิต่อมาก็หันกลับไปสนใจกองกระดาษตรงหน้าตามเดิม
ซึ่งเขาคิดว่ามันคงเป็นโน๊ตเพลงต่าง ๆ
แต่ใบหน้าคมคายก็หันกลับมาอีกครั้งพร้อมสีหน้านิ่งเรียบไม่สื่ออารมณ์ใด ๆ
“นาย มาทำอะไรที่นี่”
น้ำเสียงคุ้นเคยเอ่ยถามแผ่วเบา
แต่เขากลับได้ยินมันชัดเจน อาจจะเพราะห้องนี้มันเงียบเกินไปสำหรับเขาที่อยู่กับปาร์คชานยอลตามลำพัง
หรืออันที่จริงเขารอจะได้ยินเสียงของคนตรงหน้ามาตลอดกันแน่
ร่างขาวยกมือเสยผมอย่างลวก
ๆแก้เก้อ เม้มปากแน่นกับการนึกหาคำตอบที่พอจะฟังขึ้นได้บ้าง “ผม
มาทำงานที่นี่ ทะ.. ทำความสะอาด ก็แค่เดินดูสถานที่”
ดูเหมือนคำตอบของเขาทำให้ร่างสูงตรงหน้าคิ้วย่นขึ้นมาเล็กน้อย
แต่ก็ไหวไหล่พร้อมกับวางกีต้าร์โปร่งสีครีมลงแล้วนั่งไขว่ห้างด้วยท่าทีสบาย
ๆผิดกับเขาที่ยังคงยืนแน่นิ่งและไม่รู้จะเก็บมืออันงุ่มง่ามนี้ไว้ที่ไหน
“หึ อะไรกันที่เหวี่ยงนายกลับมาเจอฉันอีกครั้ง ทั้งที่เราจบกันด้วยไม่ดีเท่าไหร่” ปาร์คชานยอลว่าแสยะยิ้มมุมปาก
ปรายตามองร่างขาวที่ยังคงยืนอยู่กับที่จนอดไม่ไหวต้องถีบเก้าอี้ข้าง ๆอีกตัวไปให้ “นั่งสิ ฉันไม่คิดว่านายจะยืนอยู่ตรงนั้นทั้งวันหรอกนะ”
“ขอบคุณ ถ้าไม่จำเป็น ผมก็ไม่ได้อยากจะมาที่นี่อยู่แล้ว”
“อย่างนั้นเหรอ นึกว่านายจะคิดถึงฉัน
อยากเห็นหน้าฉันใจจะขาดจนต้องหาทางมาทำงานที่นี่เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ฉันตลอดเวลา”
“อย่ามาสำคัญตัวผิดไปหน่อยเลย ผมแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออก”
“รวมถึงเรื่องของหัวใจ ?”
คนตัวสูงกว่าเอ่ยถามพร้อมกับยันตัวขึ้นเต็มความสูงก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ร่างขาวที่นั่งอยู่ปลายโต๊ะประชุม
โน้มใบหน้าเข้าใกล้อีกคนหมายมองม่านตาคู่สวยที่เคยหลงใหล “นายนี่โกหกไม่เก่งเหมือนกันนะ”
“…..”
“ฉันจะถามอีกครั้ง
นายมาทำอะไรที่นี่ โอเซฮุน”
นิ้วเรียวยาวกำมือเข้าหากันแน่น
ปลายเล็บจิกลงบนผิวจนเป็นรอยเมื่อดวงตาคมโตกำลังมองเขาอย่างคาดคั้นและน้ำเสียงกดต่ำนั่นราวกับเร่งเร้าเอาคำตอบให้ได้
โอเซฮุนได้แต่ภาวนาในใจขอให้ใครก็ได้เข้ามาในห้องนี้ก่อนที่เขาจะจัดการฆ่าสมาชิกวงเฮลิออสเสียก่อน
“ฉันเป็นคนเสนอให้เซฮุนมาร่วมงานกับเฮลิออสเอง
หรือนายมีปัญหาอะไร ชานยอล”
คนตัวสูงผละออกจากอีกคนทันทีเมื่อมีคนที่สามเข้ามาในห้องโดยไม่บอกกล่าวก่อนจะทวนคำพูดของเพื่อนรวมวงอีกครั้ง
“เซฮุนจะร่วมงานกับเฮลิออส
? นายกำลังจะบอกอะไรกันแน่จุนยอง”
“เซฮุนจะมีส่วนร่วมในการถ่ายทำมิวสิควีดีโอของเฮลิออส เป็นไง เซอร์ไพรส์มากใช่ไหม”
ปาร์คชานยอลหลับตาแน่นกับคำตอบของเพื่อนร่วมวงอย่างเก็บอารมณ์ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา
“นายไปเจอเซฮุนตอนไหน”
จุนยองไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจนักกับคำถามที่ส่งมาด้วยน้ำเสียงกดต่ำก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาอีกมุมห้อง
“จุนยอง
ไม่ได้ยินที่ฉันถาม ?”
ความเงียบยังคงเป็นคำตอบที่เขาได้จากจุนยองและนั่นทำให้เขานึกฉุนไม่น้อยจนต้องปรี่เข้าไปกระชากคอเสื้อดึงเพื่อนร่วมวงขึ้นมาประจัญหน้า
“กูถามว่ามึงไปหาเซฮุนตอนไหน
!? ตอบกู !”
“แล้วนายจะสนใจทำไมถ้าฉันจะไปหาเซฮุน
! จบไปแล้วนี่ หึงเหรอ ? หวงทั้งที่ไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเซฮุนแล้วอย่างนั้นเหรอ
?”
“…..”
“บอกให้ก็ได้
สองวันก่อนฉันขับรถตามนายไปเอง เป็นอย่างที่ฉันคิดไม่มีผิด ฉันรู้ความลับของนายกับเซฮุนทุกอย่าง”
“…..”
“ตอนแรกฉันก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องของนายสักเท่าไหร่” จุนยองเว้นวรรค
แสยะยิ้มมุมปากอย่างพอใจก่อนจะขยับเข้าใกล้คนตรงหน้า “แต่ฉันก็ต้องบอกตามตรงว่าฉันสนใจคนรักเก่าของนายมากเลยทีเดียว เด็กนั่นอาจจะเป็นของนายมาแล้ว
แต่ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือ เพราะฉันจะลบทุกรอยที่เคยเป็นของนายเอง”
ผลัวะ !!
“พี่ชานยอล !” โอเซฮุนที่กึ่งนั่งกึ่งลุกมองสองคนยืนต่อปากต่อคำกันอยู่นานรีบปรี่เข้าไปดึงคนตัวสูงกว่าออกอย่างทุลักทุเล
มือใหญ่ทำท่าจะประเคนหมัดซ้ำบนใบหน้าของจุนยองอีกครั้งแต่คนตัวขาวข้าง
ๆยื้อเอาไว้ก่อน “หยุด
! ผมบอกให้หยุดไง ! อย่าทำแบบนี้ !”
มือหนาปล่อยเพื่อนร่วมวงลงอย่างหัวเสียก่อนจะหันมามองค้อนอีกคนที่ยืนจับแขนเขาไว้แน่น
“โถ่เว้ย !
นายห้ามฉันทำไมเซฮุน ปกป้องมันงั้นเหรอ !?”
“ไม่ใช่ !
อย่าคิดไปเองได้ไหม !”
“แล้วมันยังไง
! จะให้ฉันคิดยังไงพูดสิ !”
“…..”
“นายมันน่ารำคาญจริง
ๆ มากับฉันเลยเด็กบ้าเอ้ย !”
เวลาผ่านไปร่วมสองชั่วโมงกับความเงียบที่แสนอึดอัดตลอดทาง
โอเซฮุนไม่สามารถรู้ได้เลยว่าใครอีกคนกำลังพาเขาไปที่ไหน สิ่งที่เขารับรู้คือชานยอลขับรถพาเขาออกมาไกลจากตัวเมืองมากแล้ว
สองข้างทางเริ่มเป็นแนวป่าและเขาเริ่มกลัวร่างสูงข้าง ๆขึ้นมาจับใจ
ปึก !!
นั่นคือเสียงที่เซฮุนได้ยินทันทีที่ร่างถูกเหวี่ยงกระแทกกับต้นไม้ใหญ่ในป่าแห่งหนึ่งอย่างแรง
ใบหน้าบิดเล็กน้อยกับความเจ็บตรงหัวไหล่แล้วก็ต้องร้องออกมาเมื่อถูกฝ่ามือใหญ่บีบเข้าที่ไหล่ทั้งสองข้างซ้ำเติม
ร่างกายเขาไม่ได้อ่อนแอ
แต่ใจเขาต่างหากที่มันไม่มีเรี่ยวแรงอีกแล้ว..
“มันให้เงินนายเท่าไหร่
! ตอบฉันมาว่ามันจ่ายเท่าไหร่นายถึงยอมตกลงกับมัน !”
“ผมไม่รู้ !
ปล่อยได้ไหมมันเจ็บ !”
“โกหก !
นายเป็นคนเห็นแก่เงินตั้งแต่เมื่อไหร่กันเซฮุน ! ทีกับฉันนายปัดสิ่งที่ฉันหยิบยื่นให้อย่างไม่ใยดี
แต่นายกลับตอบรับคำไอ้จุนยองที่นายรู้จักเพียงไม่กี่นาที นายทำได้ยังไง !”
“…..”
“นายคิดเหรอว่ามันจ้างนายมาแค่ให้ร่วมงานโดยไม่หวังอย่างอื่น
นายไม่มีทางตามมันทัน !”
“ถ้าเขาจะหวังอย่างอื่นแล้วพี่มีสิทธิ์อะไรมาห้ามผม
! คนเราจะเปลี่ยนความคิดบ้างไม่ได้เลยเหรอ
เจออะไรที่ดีกว่าน่าสนใจกว่าก็ควรคว้าไว้ ผมพูดผิดตรงไหน !”
“…..”
“จุนยองให้ผมได้มากกว่าพี่ก็แล้วกัน”
“โอเซฮุน !”
น้ำเสียงที่ตะคอกกลับมาไม่ได้ทำให้ร่างขาวเกรงกลัวเลยสักนิด
แต่กลับเชิดหน้าอย่างถือดีแม้ว่าม่านตาคู่สวยเริ่มสั่นไหวและของเหลวบางอย่างเอ่อคลอริมขอบตา
ใบหน้าคมคายส่งลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างเก็บอารมณ์
หัวเราะหึในลำคอให้กับการโดนฉีกหน้าจากคำพูดคนที่เขาเคยรักมากที่สุด
“หึ นั่นสินะ
ถ่ายงานนิดหน่อย แล้วค่อยไปต่อกันที่ห้อง ได้เงินไม่รู้ตั้งกี่หลักเป็นกอบเป็นกำ
ทนเหนื่อย หรืออาจจะทนเจ็บไม่กี่ชั่วโมงก็มีเงินในบัญชี นายนี่ฉลาดจริง ๆ”
“รู้ก็ดี
ผมจะทำในสิ่งที่ผมต้องทำ ส่วนพี่ ก็ควรทำในส่วนที่พี่ควรจะทำ
ไม่จำเป็นต้องมาเกี่ยวข้องกันอีก หลบไป !” มือขาวปัดไหล่อีกคนให้พ้นทางอย่างสุดแรง
แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาออกก็ถูกคนตัวสูงกว่ารั้งแขนไว้เสียก่อน
“นายต้องการเงินเท่าไหร่เซฮุน
จุนยองให้นายเท่าไหร่ฉันจะให้มากกว่า แลกกับการนอนกับฉัน”
“…..”
“แค่นายตอบตกลง
นายไม่จำเป็นต้องมาถ่ายทำอะไรทั้งนั้น แค่ไปกับฉัน”
“…..”
“เผื่อนายไม่รู้
ฉันทนไม่ได้ถ้านายจะต้องตกเป็นของคนอื่น ทั้งที่นายเคยเป็นของฉัน
ต่อให้ตอนนี้เราเป็นคนแปลกหน้ากันแล้วก็ตาม มันอาจจะฟังดูเห็นแก่ตัว ฉันยังอยากมีนายอยู่กับฉัน”
“…..”
“เพราะฉันไม่ต้องการให้คนทั้งโลกรู้จักนาย
ฉันอยากเก็บซ่อนนายไว้กับฉันคนเดียวเท่านั้น”
หยดน้ำตาเม็ดโตที่กลั้นมานานหยดลงอาบแก้มอย่างช่วยไม่ได้
โอเซฮุนรู้สึกราวกับร่างกายกำลังจะทิ้งตัวลงกับพื้นในไม่ช้า มันโอนเอนและสั่นเทาไปหมดกับทุกประโยคจากปากร่างสูงข้าง
ๆ ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัวขึ้นเรื่อย ๆจนแทบมองไม่เห็นอะไรอีกแล้ว
“กอดผมหน่อย..
ช่วยกอดผม กอดให้แน่น ๆได้ไหม”
“…..”
“เวลาที่ผมมีความสุข
กอดผมไว้แน่น ๆ เวลาที่ผมร้องไห้ กอดผมไว้แน่น ๆ หรือแม้แต่วินาทีสุดท้ายของชีวิต เวลาที่ผมกำลังจะจากโลกนี้ไปให้กอดผมไว้แน่น
ๆ กอดผม อย่างที่พี่เคยทำ กอด…”
เปลือกตาคู่สวยปิดลงพร้อมหยดน้ำไหลลงจากหางตาเมื่อถูกใครอีกคนรวบตัวสู่อ้อมแขน
ใบหน้าขาวซุกลงกลางอกแกร่งของคนตัวสูงกว่า
ปล่อยน้ำตาให้เปียกชุ่มบนเสื้อเป็นวงกว้าง กำชายเสื้อของคนที่สวมกอดจนยับเป็นรอย
มือหนาดันไหล่คนในอ้อมกอดออกเล็กน้อยก่อนจะยกเชยปลายคางแหลมขึ้นรับสัมผัสแนบแน่น
เซฮุนยกยิ้มกับการละเลียดจูบและค่อย ๆรุกล้ำจากคนตรงหน้า แม้ว่ามันจะปะปนไปด้วยรสเค็มปร่าของหยดน้ำตา
แต่เขากลับมีความสุขและต้องการซึมซับทุกความรู้สึกที่ส่งผ่านมา
เขาโหยหาสัมผัสนี้มาตลอด
และเขากำลังปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น
โอเซฮุนร้องซี๊ดเบา
ๆหลังจากเสื้อยืดสีขาวได้ถูกคนด้านบนถอดออกให้พ้นทางก่อนจะถูกจับกดลงจนแผ่นหลังสีกับเบาะรถ
ปลายจมูกโด่งลากไปตามลำคอสวยอย่างหลงใหลก่อนจะแนบริมฝีปากกดเม้มเป็นรอยสีเลือดพร้อมกับจัดการปลดเข็มขัดคนใต้ร่างเพื่อดึงยีนส์สีดำที่รัดแนบขาออกไปกองที่พื้น
มือสากลูบไปตามเรียวขาขาวอย่างหยามใจเรียกเสียงครางเบาจากอีกคนได้เป็นอย่างดี
มันเสียวซ่านมากทีเดียวกับปลายนิ้วที่ลอกเป็นขุ่ยจากการเล่นกีต้าร์ได้ลากไปตามเรียวขาขึ้นมาถึงสะโพกกลมมน
กดปลายเล็บลงบนลาดไหล่หนาอย่างลืมตัว
บิดกายแอ่นเร้าเมื่อคนด้านบนส่งลิ้นร้อนละเลียดบนยอดอกจนแข็งเป็นตุ่มไตก่อนจะลากเรียวลิ้นลงต่ำผ่านหน้าท้องแบนราบหากแต่มีกล้ามหน้าท้องอ่อน
ๆรำไร ปากหยักกดจูบย้ำไปทั่วเนื้ออ่อนโคนขาด้านในก่อนจะทิ้งน้ำหนักตัวลงทาบทับคนตัวเล็กกว่าขบใบหูขาวที่ตอนนี้ขึ้นสีจนแดงเป็นปื้น
“มีความสุขมากใช่ไหมเซฮุน
” เสียงแหบพร่าเอ่ยถามแนบข้างหู
ร่างบางพยักหน้ารับเล็กน้อยปรือตาขึ้นมาใบหน้าคบคายที่ห่างเพียงแค่ลมหายใจ “นายอาจจะเจ็บ
เพราะอย่างนั้นฉันจะสอดนิ้วเข้าไปก่อน”
คนใต้ร่างส่ายหน้าไปมาก่อนจะยกวงแขนโอบรอบลำคอคนเป็นพี่ไว้แน่น “ไม่ต้องสอดนิ้วอะไรทั้งนั้น
ผมต้องการตัวตนของพี่ทั้งหมด”
โอเซฮุนระบายยิ้มบนใบหน้าเพื่อย้ำบอกว่าเขาโอเค
แต่แล้วรอยยิ้มนั่นก็เริ่มบิดเบี้ยว นิ่วหน้ากัดริมฝีปากแน่นเมื่อคนด้านบนค่อย
ๆดันแกนกายผ่านช่องทางอ่อนนุ่มที่ไม่ได้ผ่านการใช้งานมานานเข้ามาจนสุด ม่านตาเริ่มเอ่อคลออีกครั้งกับความเจ็บแปลบราวกับร่างได้แตกเป็นเสี่ยง
ๆ
“หายเจ็บหรือยัง
ฉันจะไม่ขยับถ้านายไม่พร้อม” ร่างสูงเอ่ยถาม
ลากปลายนิ้วปาดหยดน้ำที่หางตาอีกคน
“ผมโอเค อะ..โอเคแล้ว”
ปาร์คชานยอลอมยิ้มกับคำตอบผ่านน้ำเสียงสั่นเครือก่อนจะเริ่มขยับกายเข้าออกอย่างเนิบนาบ
มือหนาจับเข้าที่สะโพกกลมมนทั้งสองไว้มั่นเปลี่ยนเป็นการสอดใส่ที่หนักหน่วงขึ้น
กดย้ำจุดกระสั่นเรียกเสียงครางไม่ได้ศัพท์จากคนใต้ร่างเป็นระยะ ปากหยักขบเม้มเม็ดสีบนแผ่นอกบางอีกครั้ง
รัวลิ้นหนาจนคนตัวขาวต้องแอ่นร่างรับความเสียวซ่านนั้น
สอดเรียวนิ้วไปตามกลุ่มผมร่างสูงด้านบนจิกทึ้งกับความวาบหวาบที่กำลังถูกปลดปล่อยในไม่ช้า
เสียงครางหวานที่ผสานกับเสียงผิวกายเสียดสีไปมากับเบาะรถปลุกอารมณ์ของร่างสูงได้มากทีเดียว
เขากำลังแตะจุดสูงสุดในไม่กี่อึดใจ ขยับกายถี่ขึ้นตามแรงอารมณ์ เซฮุนฝังหน้าแนบกับเบาะเม้มปากเน้น
แรงตอดรัดทำให้ปาร์คชานยอลรับรู้ว่าคนตัวขาวใกล้แตะขอบอารมณ์แล้ว
สะโพกหนากระแทกแกนกายเต็มแรงจนคนใต้ร่างต้องยกมือขึ้นปิดปาก
มันคงเป็นเสียงร้องครางที่น่าอายมากทีเดียวและเขาไม่อยากให้อีกคนได้ยิน
แต่คนตัวโตกว่าก็ยังนึกแกล้งด้วยกันกดสะโพกกระแทกแกนกายย้ำถึงสองครั้งทั้งยังปัดมือที่ยกขึ้นมาปิดปากออก
“ไม่เอาน่า
ฉันอยากได้ยินเสียงของนายตอนที่ฉันพานายแตะจุดสูงสุด
เรากำลังมีความสุขกันนะเด็กน้อย”
“พี่มันบ้า อะ..
บ้าที่สุดเลย” โอเซฮุนว่าพลางรัวทุบกำปั้นลงบนแผงอกแกร่งของคนคุมเกมด้านบน
แต่กลับถูกมือใหญ่จับกุมข้อมือไว้แน่นและม่านตาคมที่มองลึกลงมาอย่างมีความหมาย
“นายเป็นของฉัน
เซฮุน จะไม่มีใครหน้าไหนแย่งนายไปจากฉันได้”
“…..”
“ฉันอยากให้นายจดจำทุก
ๆสัมผัสที่ฉันฝังเอาไว้ ให้มันย้ำเตือนว่านายเป็นของใคร”
“…..”
“วันไหนที่นายคิดจะหนีฉันไป
ให้นึกถึงความเจ็บปวดและความสุขสมตอนที่เรารวมเป็นคน ๆเดียวกัน”
“…..”
“นายรักใครไม่ได้อีกแล้วนอกจากฉัน
ปาร์คชานยอล จะอยู่ในชีวิตของโอเซฮุนไปจนวันตาย”
โอเซฮุนพยักหน้ารับเชื่องช้า
มือขาวลูบไปตามสันกรามคนตัวสูงกว่าอย่างหลงใหล กลีบปากบางเปิดขึ้นเล็กน้อยตอบรับการทาบทับลงมาอย่างอ่อนโยนทว่าหนักหน่วงในคราวเดียวกัน
ตอนนี้เขารู้แล้วกับทุกอย่างที่ผ่านมา
ชานยอลอยู่ในชีวิตเขามาตลอด สิ่งที่เพิ่งจบลงมันคือการตอกย้ำว่าเขาเป็นของใคร
“โอเซฮุน จะอยู่ในชีวิตของปาร์คชานยอลไปจนวันตายเหมือนกัน”
TBC.
#ฟิคคลช
*Talk*
ไม่ได้มาต่อนานมากกกกกกกกกกกกกกก
ตอนนี้ดราม่าแต่แฮปปี้ รึป่าว 5555555555555555555555
แฮปปี้แค่ตอนนี้
หลังจากนี้อาจจะไม่มีแล้ว มันแค่เริ่มต้น แต่ไม่นานก็จบ
ปล. พยายามอัพฟิคในเด็กดีแล้ว.. แต่เนื้อหาไม่ขึ้นเลย ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ขึ้น
จึงขอลงในนี้แทนนะคะ และคิดว่าเรื่องอื่นๆก็คงจะอัพในนี้แทน
ยังไงก็เป็นกำลังใจบอกกล่าวกันผ่านแท็กฟิดในทวิตได้เน้อ T__T